เลือกหน้า

Project Reference อิฐมวลเบา มาตรฐาน มอก. จาก บีซีจี 

             ปัจจุบันหลายๆ โครงการนิยมใช้ อิฐมวลเบา มาตรฐาน มอก. ในการทำงานผนัง  เพราะคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนและป้องกันเสียง  มีน้ำหนักเบากว่าอิฐมอญถึง 2 เท่า   มีขนาดมิติที่ได้มาตรฐาน สามารถทำงานก่อผนังให้ได้ดิ่งและฉาก ป้องกันผนังล้มดิ่ง ซึ่งผนังที่ล้มดิ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ใช้ปูนฉาบเปลืองกว่าปกติ   เพราะต้องแต่งผนังให้ได้ดิ่งและฉาก   ทำให้ผนังในส่วนที่ปูนฉาบหนากว่าปกติ มีโอกาสสูงที่จะหลุดร่อนและเกิดการแตกร้าว

 และด้วยขนาดก้อนที่ใหญ่กว่าอิฐมอญ   จึงสามารถทำให้การก่อผนังเสร็จเร็วกว่าอิฐมอญทั่วไปมาก ช่วยลดระยะเวลาและค่าแรงรายวันได้ดี

 

             ข้อมูลเรื่อง   อิฐมวลเบา G2 และ  อิฐมวลเบา G4  มีความแตกต่างกันอย่างไร วันนี้สามารถติดตามได้ที่บทความของ บีซีจี   ซึ่งจะช่วยไขข้อข้องใจและให้ข้อมูลหลักๆเบื้องต้น สำหรับทุกท่านประกอบการพิจารณาในการสั่งซื้อใช้งานต่อไป

             อ้างอิงจาก มาตรฐาน มอก. อิฐมวลเบาแบบมีฟองอากาศ-อบไอน้ำ มาตรฐานเลขที่ มอก. 1505-2541 ระบุเรื่องชั้นคุณภาพไว้ ดังนี้

 

 😀  อิฐมวลเบา แบ่งตามความต้านทานแรงอัดออกเป็น 4 ชั้นคุณภาพ และแบ่งตามความหนาแน่นเชิงปริมาตร ออกเป็น 7 ชนิด โดยชั้นคุณภาพและชนิดของ อิฐมวลเบา มีความสัมพันธ์กันตามตาราง

ชั้นคุณภาพและชนิดของอิฐมวลเบา

               แต่ชั้นคุณภาพที่นิยมเลือกใช้งานในการก่อสร้าง  ประเทศไทยมีแบบชั้นคุณภาพ 2 (G2) และแบบชั้นคุณภาพ 4 (G4)  ซึ่งสรุปจากข้อมูล  มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม  ที่ระบุไว้นั้น   แสดงให้เห็นว่าแบบชั้นคุณภาพ 4 (G4) สามารถรับแรงอัดและมีความหนาแน่นที่มากกว่าชั้นคุณภาพ 2 (G2)

 

               ในปัจจุบัน อิฐมวลเบา แต่ละยี่ห้อในตลาดมีจัดจำหน่ายกันทั้ง G2 และ G4  ดังนั้นแนะนำให้ทุกท่านสอบถามข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ  เพื่อเลือกใช้อิฐมวลเบาแต่ละประเภทชั้นคุณภาพให้เหมาะสมกับประเภทงานหรือตามสเปคที่ผู้ออกแบบกำหนด

สำหรับทุกท่านที่มีความต้องการสั่งซื้อ อิฐมวลเบา มาตรฐาน มอก. (ราคาพิเศษ) สามารถติดต่อได้ที่ บริษัท บีซีจี จำกัด หรือ  www.bcghome.com

คอมเม้นท์

คอมเม้นท์

Pin It on Pinterest

Shares
Share This